บ้านยุคใหม่ไม่ว่าจะเป็นสไตล์โมเดิร์นหรือตึกแถวมักจะนิยมออกแบบมาให้มีพื้นที่ดาดฟ้าไว้สำหรับใช้งานต่างๆ แต่โดยทั่วไปนั้นบริเวณดาดาฟ้าจะเป็นพื้นคอนกรีตที่มีการสะสมความร้อนไว้ตลอดทั้งวัน ซึ่งจะส่งผลทำให้อุณหภูมิภายในบ้านบริเวณชั้นล่างร้อนตามไปด้วย ดังนั้น เราจึงควรออกแบบให้ดาดฟ้ามีหลังคาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้พื้นที่ส่วนนี้ไม่ร้อนจนเกินไป แนะนำให้ใช้เป็นโครงสร้างเหล็กและใช้วัสดุมุงหลังคาเป็นเมทัลชีทที่มีน้ำหนักเบา ก็จะช่วยทำให้โครงสร้างเดิมของบ้านไม่ต้องรับน้ำนหักมากเกินไป แต่ถ้าไม่ค่อยได้ใช้งานบนพื้นที่ส่วนนี้มากนัก เพียงแค่ยกหลังคาให้สูงขึ้นไม่เกิน 1 เมตร ก็ช่วยทำให้ลมและอากาศหมุนเวียนถ่ายเทได้แล้วค่ะ ดูภาพเพิ่มเติม

นอกจากหลังคาบ้านแล้ว ผนังก็ยังเป็นอีกส่วนหนึ่งของบ้านที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วบ้านที่ก่อผนังอิฐจะช่วยเพียงกันความร้อนไม่ให้เข้ามาภายในบ้านในช่วงกลางวันเท่านั้น แต่จะคลายความร้อนที่สะสมไว้ในตอนกลางคืน ซึ่งจะทำให้บรรยากาศภายในบ้านตอนช่วงพักผ่อนดูร้อนและอบอ้าวกว่าปกติ แต่เราก็สามารถแก้ไขได้โดยการก่อผนังให้หนามากขึ้นกว่าเดิม โดยใช้อิฐมอญก่อจนเต็มแผ่น 2 ชั้น หรือหากเป็นผนังอิฐมวลเบาก็ควรเลือกใช้ที่มีความหนาตั้งแต่ 15 เซนติเมตร แนะนำให้ก่อโดยมีช่องว่างห่างกันเล็กน้อยเพื่อให้มีช่องอากาศอยู่ตรงกลาง แต่หากใครไม่ชอบงานปูนที่ดูยุ่งยากและเลอะเทอะ การเลือกใช้ผนังที่ไม่สะสมความร้อนมากรุทับผนังเดิมอีกชั้น เช่น แผ่นซีเมนต์บอร์ด ก็สามารถช่วยป้องกันความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ดูภาพเพิ่มเติม

การปล่อยให้ผนังบ้านต้องแบกหน้าที่รับความร้อนเพียงอย่างเดียวโดยไม่ป้องกันเลยนั่นอาจเป็นตัวการร้ายที่ทำให้บ้านร้อนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีจึงควรปกป้องบ้านโดยการทาผนังบ้านด้วยสีอ่อนๆ เพื่อช่วยลดการสะสมความร้อน และควรเลือกใช้สีทาบ้านที่เป็นฉนวนสะท้อนรังสีความร้อนได้ดี ก็จะสามารถเป็นเกราะป้องกันความร้อนให้กับตัวบ้านได้มากขึ้น ดูภาพเพิ่มเติม

การทำระแนงกันแดด หรือกันสาดสำหรับบังแดดไม่เพียงช่วยกันฝนสาดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่มเงากับบ้าน รวมทั้งยังช่วยกันความร้อนจากแสงแดดได้ดี โดยควรติดตั้งแผงกันแดดทางทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันตก เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดเข้ามาสู่พื้นที่ของบ้าน วิธีนี้ก็จะช่วยทำให้บ้านเย็นขึ้นได้อีกทางค่ะ