Open Space
บ้าน…คือพื้นที่แห่งความสุขของทุกคนในครอบครัว และเมื่อพูดถึง “การออกแบบบ้าน” ที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงาม ความโปร่งสบาย และการใช้ชีวิตยุคใหม่ หนึ่งในแนวคิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็คือ “Open Space” หรือการออกแบบพื้นที่เปิดโล่งภายในบ้าน
แนวคิดนี้ไม่ได้เพียงแค่ทำให้บ้านดูทันสมัย แต่ยังช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลาย อบอุ่น และเชื่อมโยงกันมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้คือหัวใจของการออกแบบบ้านที่ดี บ้านที่ไม่ใช่เพียงสิ่งปลูกสร้าง แต่คือ “พื้นที่แห่งชีวิต”
Open Space คืออะไร
Open Space หมายถึงการออกแบบบ้านภายในโดยไม่กั้นผนังหรือประตูระหว่างพื้นที่หลัก ๆ ของบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหาร และห้องครัว ให้เป็นพื้นที่ต่อเนื่องกันอย่างกลมกลืน
แทนที่จะมีผนังแบ่งเขตพื้นที่เหมือนบ้านแบบเดิม ๆ การออกแบบบ้านแนวนี้จะเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น ใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุด และจัดองค์ประกอบให้การเคลื่อนไหวในบ้านเป็นอิสระมากขึ้น ผลลัพธ์คือ…บ้านที่ดูโล่ง โปร่งสบาย และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงชอบ “ออกแบบบ้าน” แบบ Open Space
เพราะบ้านยุคใหม่ไม่ได้มีไว้แค่อยู่อาศัย แต่เป็นที่พักใจหลังวันเหนื่อย ๆ การออกแบบบ้านภายในแบบ Open Space จึงตอบโจทย์ทั้ง “ฟังก์ชัน” และ “อารมณ์” ของผู้อยู่อาศัย
- บ้านดูกว้างขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่ พื้นที่เปิดโล่งทำให้บ้านขนาดเล็กดูกว้างกว่าเดิม เพราะไม่มีผนังมาบังสายตา การใช้โทนสีอ่อนและเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นยิ่งช่วยให้บ้านดูโปร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนในบ้าน พื้นที่เปิดโล่งช่วยให้สมาชิกในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น เช่น คนหนึ่งทำอาหารในครัว อีกคนดูทีวีในห้องนั่งเล่น แต่ยังสามารถพูดคุยและมองเห็นกันได้ตลอด เป็นความอบอุ่นแบบธรรมชาติที่เกิดจากการออกแบบบ้านด้วยใจ
- แสงธรรมชาติและอากาศไหลเวียนดีขึ้น การออกแบบบ้านภายในแบบ Open Space ช่วยให้แสงแดดและลมจากธรรมชาติสามารถเข้าถึงได้ทั่วถึงมากขึ้น ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและเพิ่มบรรยากาศผ่อนคลาย
- ตกแต่งได้หลากหลาย ปรับเปลี่ยนง่าย พื้นที่เปิดโล่งทำให้การจัดเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งบ้านมีความยืดหยุ่น สามารถเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ ๆ ได้บ่อยโดยไม่ต้องปรับโครงสร้างใหญ่
เคล็ดลับการออกแบบบ้านภายในแบบ Open Space ให้ลงตัว
การออกแบบบ้านแนว Open Space อาจดูเรียบง่าย แต่ในความเรียบนี้มีรายละเอียดมากมายที่ต้องคิดให้รอบคอบ เพื่อให้ทั้ง “ฟังก์ชัน” และ “ความรู้สึก” อยู่ในจุดสมดุล
- กำหนดโซนด้วยเฟอร์นิเจอร์และพื้นผิว แม้ไม่มีผนังกั้น แต่เราสามารถแบ่งพื้นที่ด้วยพรม โซฟา หรือการเปลี่ยนวัสดุปูพื้น เช่น โซนห้องนั่งเล่นใช้พื้นไม้ ส่วนห้องครัวใช้กระเบื้อง เพื่อให้แยกหน้าที่การใช้งานโดยไม่ปิดกั้นสายตา
- ใช้แสงช่วยสร้างบรรยากาศ ไฟ Warm White หรือแสงเหลืองนวล ๆ ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้บ้าน ดูสบายตาและน่าอยู่มากขึ้น โดยเฉพาะในตอนเย็นที่ทุกคนกลับมารวมตัวกัน
- คุมโทนสีให้กลมกลืน การเลือกใช้โทนสีเดียวกันหรือใกล้เคียงกันในแต่ละโซน เช่น สีขาว ครีม เทาอ่อน หรือไม้ธรรมชาติ จะช่วยให้พื้นที่ต่อเนื่องดูเป็นหนึ่งเดียวและผ่อนคลาย
- ใส่ใจเสียงสะท้อนภายในบ้าน บ้านแบบเปิดอาจมีเสียงสะท้อนหากวัสดุแข็งเกินไป ควรเพิ่มวัสดุดูดซับเสียง เช่น ผ้าม่าน ผ้าปูพื้น หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ เพื่อให้เสียงภายในบ้านนุ่มนวลขึ้น
- เพิ่มมุมส่วนตัวเล็ก ๆ แม้เป็น Open Space แต่ควรมีมุมส่วนตัวเล็ก ๆ เช่น มุมอ่านหนังสือหรือมุมทำงาน โดยใช้ฉากไม้หรือพืชตกแต่งช่วยกั้นเบา ๆ เพื่อให้บ้านยังมีพื้นที่สงบเมื่ออยากพักใจ
Open Space กับการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีคุณภาพ
แนวคิดของการออกแบบบ้านภายในแบบ Open Space คือ “น้อยแต่มาก” — น้อยในแง่ของการตกแต่ง แต่กลับมากในความรู้สึก เพราะบ้านที่ดีไม่จำเป็นต้องใหญ่โตหรูหรา แต่อยู่แล้วรู้สึกสบาย อบอุ่น และมีชีวิต
บ้านที่เปิดโล่งเชื่อมต่อถึงกัน ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกถึงความสัมพันธ์ของทุกพื้นที่ ทุกกิจกรรม เช่น การทำอาหาร กลายเป็นช่วงเวลาที่ได้คุยกับครอบครัว การนั่งเล่นกลายเป็นช่วงเวลาของการเชื่อมใจ เมื่อทุกอย่างถูกรวมเข้าไว้ในพื้นที่เดียวกันอย่างลงตัว บ้านจึงไม่ใช่แค่ “ที่อยู่” แต่เป็น “ที่ใช้ชีวิตจริง ๆ”
ออกแบบบ้านภายในแบบ Open Space ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่คือแนวทางที่สะท้อนวิถีชีวิตสมัยใหม่ ที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ และเต็มไปด้วยความอบอุ่น
หากคุณกำลังคิดจะออกแบบบ้านใหม่ หรือรีโนเวทพื้นที่เดิม ลองพิจารณาการออกแบบบ้านในแนว Open Space ดูสิครับ แล้วคุณจะรู้ว่าบ้านที่โปร่ง โล่ง และเชื่อมถึงกันได้ทุกมุม…สามารถเปลี่ยนทุกวันธรรมดาให้กลายเป็นวันที่อบอุ่นที่สุดของชีวิตได้จริง ๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง





