side-area-logo
เคล็ดลับ ออกแบบห้องเก็บของให้ใช้งานได้สะดวก

เคล็ดลับ ออกแบบห้องเก็บของให้ใช้งานได้สะดวก

ในบ้านทุกหลังจะมีห้องเก็บของกันอยู่แล้ว แต่เรามักจะมองข้ามไป ทั้งที่เป็นพื้นที่สำคัญที่จะช่วยเก็บสิ่งของในบ้านให้เป็นระเบียบ หากเราออกแบบห้องเก็บของให้ดีก็จะช่วยให้เราเก็บของได้เยอะขึ้น หาของได้ง่ายขึ้น และใช้งานได้สะดวก ดังนั้น การออกแบบห้องเก็บของเพื่อให้สะดวก ปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ บทความนี้เราจะบอก เคล็ดลับ ออกแบบห้องเก็บของให้ใช้งานได้สะดวก ตอบโจทย์การใช้งาน

ทำไมต้องใส่ใจการออกแบบห้องเก็บของ

  1. เพิ่มพื้นที่ใช้สอย ห้องเก็บของที่ดีคือการใช้พื้นที่ที่มีอยู่ให้ใช้งานได้จริง เช่น ใต้บันได มุมตู้เสื้อผ้า หรือเพดาน 
  2. ลดความรกของบ้าน ห้องเก็บของช่วยในการจัดเก็บสิ่งของอย่างเป็นระบบช่วยให้บ้านดูโปร่ง โล่ง และสะอาดตาอยู่เสมอ
  3. ช่วยยืดอายุของสิ่งของ เมื่อมีการจัดเก็บที่เหมาะสม ของใช้จะไม่ชำรุด เสียหาย หรือสูญหาย

หลักการออกแบบห้องเก็บของให้ใช้งานได้สูงสุด

1. วางแผนตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบบ้าน

การมีห้องเก็บของที่ดีเริ่มต้นจาก การออกแบบบ้าน ตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นบ้านชั้นเดียวหรือสองชั้น ควรวางตำแหน่งห้องเก็บของให้อยู่ในจุดที่เข้าถึงง่าย เช่น ใกล้ประตูทางเข้าเพื่อจัดเก็บรองเท้าหรืออุปกรณ์ทำความสะอาด ใต้บันไดสำหรับเก็บของที่ไม่ได้ใช้บ่อย เป็นต้น

2. พิจารณาประเภทสิ่งของที่จะเก็บ

ควรกำหนดก่อนว่าห้องเก็บของจะใช้เก็บอะไร เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาด เครื่องมือช่าง ของใช้ในบ้าน เสื้อผ้าสำรอง เอกสาร เพราะสิ่งของจะมีผลต่อการออกแบบชั้นวาง เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน

3. ใช้พื้นที่แนวตั้งให้คุ้มค่า

ไม่ควรจำกัดการเก็บของไว้แค่ระดับสายตา แต่ควรออกแบบให้ใช้พื้นที่แนวตั้งได้เต็มที่ เช่น บิวท์อินตู้เก็บของให้สูงถึงเพดานเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บ หรือการใช้ราวแขวนแบบเลื่อนขึ้น-ลงเพื่อประหยัดพื้นที่

4. ออกแบบให้แสงสว่างเพียงพอ

ห้องเก็บของควรมีแสงสว่างที่เหมาะสม โดยเฉพาะในพื้นที่ลึกหรือไม่มีหน้าต่าง ติดไฟ LED ไว้ที่ห้องเก็บของหรือชั้นวาง เพื่อความสะดวกในการมองเห็นและการหยิบของ

5. จัดโครงสร้างชั้นวางอย่างเป็นระบบ

ชั้นวางควรมีความหลากหลาย เช่น ลิ้นชักสำหรับของชิ้นเล็ก ช่องสำหรับกล่องพลาสติกใส่ของ หรือชั้นวางแบบปรับระดับได้ การออกแบบที่ดีควรตอบโจทย์ทั้งของใหญ่และของเล็กภายในพื้นที่เดียว

ออกแบบบ้าน ห้องเก็บของ

เทรนด์การออกแบบห้องเก็บของในปัจจุบัน

ในยุคที่เทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป ห้องเก็บของก็ถูกพัฒนาให้ทันสมัยขึ้น เช่น

● การออกแบบบ้าน 3D ก่อนก่อสร้างจริง

ด้วยซอฟต์แวร์ ออกแบบบ้าน 3D เจ้าของบ้านสามารถมองเห็นภาพรวมของห้องเก็บของ ตั้งแต่มุมมองโครงสร้าง ขนาดพื้นที่ ไปจนถึงฟังก์ชันการใช้งาน ช่วยลดความผิดพลาด และปรับแต่งได้ก่อนก่อสร้างจริง

● การใช้เฟอร์นิเจอร์แบบพับเก็บได้

เช่น โต๊ะพับติดผนัง, ลิ้นชักซ่อนใต้พื้น ซึ่งช่วยให้ห้องเก็บของไม่แคบและใช้งานได้หลายวัตถุประสงค์

● วัสดุทนความชื้น/กันปลวก

วัสดุอย่างไม้สังเคราะห์หรือเมลามีนเคลือบกันชื้น เป็นที่นิยมสำหรับพื้นที่เก็บของ เช่น ใต้หลังคา ห้องใต้ดิน หรือพื้นที่ใกล้ครัว

การออกแบบห้องเก็บของในบ้านแต่ละสไตล์

  • บ้านสไตล์มินิมอล ใช้ชั้นวางแบบเปิด โทนสีขาวหรือไม้ธรรมชาติ สื่อถึงความเรียบร้อย สบายตา
  • บ้านโมเดิร์น เลือกใช้วัสดุที่ดูเรียบ เท่ เช่น ชั้นเหล็กเคลือบสี แสงไฟแบบ LED warm tone
  • บ้านสไตล์ลอฟต์ โชว์โครงสร้างชั้นวางแบบเปิด ผนังปูนเปลือย ชั้นเหล็กดำ เพิ่มความดิบแต่มีสไตล์

การออกแบบห้องเก็บของให้เข้ากับการออกแบบบ้านภายในและภายนอก

ห้องเก็บของที่ดีควร กลมกลืน ไปกับ การออกแบบบ้านภายใน และ การออกแบบบ้านภายนอก ไม่ว่าจะเป็น

  • การเลือกวัสดุของบานประตูให้เหมือนกับห้องอื่น
  • การตกแต่งภายในห้องเก็บของให้ดูสะอาด ไม่มืดทึบ
  • หากเป็นห้องเก็บของที่อยู่ภายนอก เช่น ห้องเก็บของในสวน ควรเลือกใช้หลังคา ปูน หรือวัสดุที่เข้ากับสไตล์บ้านหลัก

ห้องเก็บของอาจไม่ใช่พื้นที่ที่เราใช้งานทุกวัน แต่ช่วยในการรักษาความเรียบร้อยของบ้าน การวางแผน ออกแบบบ้าน โดยคำนึงถึงการใช้งานของห้องเก็บของตั้งแต่ต้น จะช่วยให้บ้านดูเป็นระเบียบ และใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า

หากคุณกำลังมองหา บริษัทรับออกแบบบ้าน ทั้งออกแบบบ้านภายใน และออกแบบบ้านภายนอก Homemax เรามีทีมงานออกแบบบ้านที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี สนใจสามารถติดต่อได้ 24 ชม. โทร 02-9186500

บทความที่เกี่ยวข้อง

Homemax-banner-ติดต่อ

palm_writer

error: Content is protected !!
โฮมแมกซ์
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.