วิธีออกแบบบ้านให้กันเสียงรบกวนจากภายนอก
การออกแบบบ้านให้สามารถป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่ช่วยให้เจ้าของบ้านมีความเป็นส่วนตัว แต่ยังช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในระยะยาว ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีเสียงการจราจรพลุกพล่าน หรือในชุมชนที่มีเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้าน การวางแผน ออกแบบบ้าน ให้ป้องกันเสียงตั้งแต่ต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ทำไมการกันเสียงจึงสำคัญในการออกแบบบ้าน?
เสียงรบกวนที่เกิดจากนอกบ้านนั้นเป็นปัญหาที่หลายคนเจอกัน ไม่ว่าจะเป็นเสียงรถสัญจร เสียงพูดคุย หรือแม้กระทั่งเสียงข้างบ้าน ซึ่งอาจส่งต่อคุณภาพชีวิต การกันเสียงจึงไม่ได้แค่ช่วยให้บ้านเงียบสงบเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน และการพักผ่อนด้วย
การวางแผน ออกแบบบ้าน โดยใส่ใจเรื่องการป้องกันเสียงจึงควรเป็นเรื่องที่เริ่มตั้งแต่แรก ไม่ใช่แค่การตกแต่งภายหลัง เพราะการจัดวางผังบ้าน การเลือกวัสดุ และโครงสร้างล้วนมีผลต่อการรับหรือกันเสียงจากภายนอก
1. วางแผนผังบ้านเพื่อลดการกระจายของเสียง
เริ่มต้นด้วยการวางตำแหน่งห้องต่าง ๆ ให้เหมาะสม เช่น จัดห้องนอนให้อยู่ด้านในสุดของบ้านหรือด้านที่ห่างจากถนน เพื่อลดเสียงรบกวนจากข้างนอก หรือหากต้องอยู่ในจุดที่เสียงดัง อาจใช้ห้องที่ไม่ต้องการความเงียบสูง เช่น ห้องครัว หรือห้องเก็บของ เป็นต้น คุณสามารถ ออกแบบบ้าน3D เพื่อช่วยให้เห็นภาพรวมของบ้าน และทดลองจัดตำแหน่งห้องเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนก่อสร้างจริง
2. เลือกวัสดุกันเสียงที่เหมาะสม
วัสดุก่อสร้างมีบทบาทอย่างมากในการลดเสียงรบกวนจากภายนอก
- ผนัง ควรเลือกใช้ผนังที่มีความหนา หรือผนังสองชั้นที่มีฉนวนกันเสียง หรือ ผนังยิปซัมชนิดกันเสียง (Acoustic Gypsum Board) ช่วยลดการสั่นสะเทือนจากคลื่นเสียงได้ดี
- หลังคา หากเสียงรบกวนมาจากด้านบน เช่น ฝนตกหรือเสียงการบิน ควรเลือกหลังคาที่บุฉนวนกันเสียงไว้ด้านใน เช่น ฉนวนใยแก้ว หรือโฟมกันเสียง
- หน้าต่าง เลือกกระจกสองชั้น (Double Glazing) หรือกระจกลามิเนตที่มีชั้นฟิล์มช่วยดูดซับเสียง และใช้กรอบหน้าต่างอลูมิเนียมหรือ uPVC ที่มีคุณสมบัติปิดสนิท ไม่มีช่องให้เสียงเล็ดลอด
- ประตู ประตูที่มีโครงสร้างตัน หรือเสริมฉนวนกันเสียงภายใน จะช่วยกันเสียงได้ดีกว่าประตูแบบกลวง
3. ออกแบบบ้านภายนอกเพื่อป้องกันเสียงรบกวน
การ ออกแบบบ้านภายนอก ก็มีผลโดยตรงต่อการกันเสียงไม่ให้เข้าสู่ภายใน เช่น
- กำแพงรั้ว ใช้กำแพงทึบ เช่น กำแพงคอนกรีต ความสูงประมาณ 2–3 เมตร สามารถสะท้อนและลดคลื่นเสียงจากถนนได้ หากต้องการความสวยงามควบคู่กัน อาจปลูกไม้เลื้อยหรือไม้พุ่มหนาทึบบนกำแพงเพื่อลดเสียงสะท้อน
- การปลูกต้นไม้ ปลูกต้นไม้ใหญ่ หรือไม้พุ่มหนา ๆ เป็นแนวกั้นเสียงธรรมชาติ
- โรงจอดรถหน้าบ้าน ออกแบบโรงจอดรถไว้ด้านหน้าบ้านโดยติดกับถนน จะช่วยเป็นฉนวนกันเสียงระหว่างตัวบ้านกับแหล่งเสียงรบกวนได้อีกชั้นหนึ่ง
4. ออกแบบบ้านภายในให้ลดการสะท้อนของเสียง
เสียงไม่เพียงแค่เข้ามาทางผนังหรือหน้าต่างเท่านั้น แต่ยังสะท้อนภายในบ้านและสร้างความรำคาญได้เช่นกัน
- เฟอร์นิเจอร์ ใช้เฟอร์นิเจอร์บุผ้า เช่น โซฟา ผ้าม่าน พรม จะช่วยดูดซับเสียงสะท้อนได้ดี หรือตู้หนังสือหรือชั้นเก็บของขนาดใหญ่ สามารถใช้เป็นฉนวนช่วยกันเสียงระหว่างห้องได้
- เพดาน ใช้วัสดุซับเสียง หรือเพดานฉาบยิปซัมแบบเจาะรู (Acoustic Ceiling) เพื่อดูดซับเสียงสะท้อนจากด้านบน
5. ใช้เทคโนโลยีจำลองเสียงในโปรแกรมออกแบบบ้าน 3D
ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ ออกแบบบ้าน3D หลายตัวที่สามารถช่วยจำลองสภาพแวดล้อมและจำลองพฤติกรรมของเสียงได้ เช่น
- SketchUp + Plugin เสียง เพิ่มปลั๊กอินที่ช่วยคำนวณเสียงสะท้อนในแต่ละห้อง
- Autodesk Revit สำหรับผู้เชี่ยวชาญ ใช้จำลองโครงสร้างอาคารและดูผลกระทบจากการสะท้อนเสียง
- RoomSketcher เหมาะสำหรับมือใหม่ ใช้งานง่าย เห็นภาพรวมของแปลนบ้านและจัดวางเฟอร์นิเจอร์เพื่อประเมินจุดที่เสียงอาจเล็ดลอด
การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ตั้งแต่ช่วงวางแผน ออกแบบบ้าน จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนในการแก้ไขปัญหาภายหลัง
การป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มจากแนวคิดการ ออกแบบบ้าน ที่ใส่ใจรายละเอียดทั้งภายนอกและภายใน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวัสดุ การจัดวางผังบ้าน หรือการใช้เทคโนโลยี ออกแบบบ้าน3D มาช่วยวางแผน เจ้าของบ้านจึงควรร่วมมือกับสถาปนิกหรือผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ต้น เพื่อให้ได้บ้านที่สวย สงบ และเหมาะกับการอยู่อาศัยในระยะยาว
หากคุณกำลังมองหา บริษัทรับออกแบบบ้าน ทั้งออกแบบบ้านภายใน และออกแบบบ้านภายนอก Homemax เรามีทีมงานออกแบบบ้านที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี สนใจสามารถติดต่อได้ 24 ชม. โทร 02-9186500
บทความที่เกี่ยวข้อง