ออกแบบบ้านให้โปร่งโล่ง ด้วยเทคนิคการใช้แสง

ความเรียบง่ายและความรู้สึกโปร่งโล่งกลายเป็นหัวใจหลักของการ ออกแบบบ้าน หลายคนอาจเข้าใจว่าแค่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์หรือเลือกสีผนังเพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว แต่ในความเป็นจริง แสง คือองค์ประกอบสำคัญที่สามารถเปลี่ยนบรรยากาศของบ้านได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแสงธรรมชาติหรือแสงจากไฟประดิษฐ์ หากรู้จักเลือกใช้อย่างถูกวิธี จะช่วยให้การ ออกแบบบ้านภายใน และ ออกแบบบ้านภายนอก ดูมีมิติ โปร่งโล่ง และน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

ทำไมแสงถึงสำคัญต่อการออกแบบบ้าน?

แสงมีผลต่อความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยโดยตรง เช่น ทำให้พื้นที่แคบดูใหญ่ขึ้น สร้างบรรยากาศอบอุ่นหรือเย็นสบาย หรือเพิ่มความน่าสนใจให้กับพื้นที่ การออกแบบบ้าน ที่ดีจึงต้องให้ความสำคัญกับแสงตั้งแต่ต้นแบบ ไม่ใช่เพียงคำนึงถึงความสว่าง แต่รวมถึงอารมณ์ของแสงในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย

1. ใช้แสงธรรมชาติให้เต็มประสิทธิภาพ

หนึ่งในแนวทางที่นิยมในยุคปัจจุบันคือการออกแบบบ้านที่เปิดรับแสงธรรมชาติให้มากที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตใจ

เทคนิคที่แนะนำ

หน้าต่างกระจกบานใหญ่ ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าถึงได้ลึก ลดการใช้ไฟในเวลากลางวัน
ช่องแสงบนหลังคา (Skylight) เหมาะกับพื้นที่ที่ผนังไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้ เช่น ห้องน้ำ หรือโถงกลางบ้าน
การจัดวางทิศทาง ในการ ออกแบบบ้าน3D ควรวางห้องนั่งเล่นหรือห้องรับประทานอาหารให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อรับแสงเช้า

2. วางแผนแสงประดิษฐ์ตามฟังก์ชัน

การใช้แสงไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละพื้นที่ช่วยให้บ้านดูเป็นระเบียบและน่าอยู่

ประเภทของแสงที่ควรรู้

Ambient Light (แสงหลัก) ให้ความสว่างทั่วพื้นที่ เช่น โคมไฟเพดาน หลอดไฟฝังฝ้า
Task Light (แสงใช้งาน) เหมาะกับพื้นที่ทำงาน เช่น ไฟใต้ตู้ครัว ไฟโต๊ะทำงาน
Accent Light (แสงเน้นจุด) ใช้สร้างมิติ เช่น ไฟส่องผนังตกแต่ง หรือไฟส่องภาพวาด

การออกแบบบ้านภายใน ที่ใช้แสงหลากหลายประเภทช่วยให้บ้านดูมีมิติ และเหมาะกับกิจกรรมที่หลากหลายในแต่ละวัน

3. เลือกใช้วัสดุและโทนสีที่ช่วยสะท้อนแสง

บางครั้งแสงธรรมชาติอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ทั่วทุกมุม การเลือกวัสดุหรือโทนสีที่ช่วยสะท้อนแสงจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น ผนังสีขาวหรือสีอ่อน การใช้กระจกเงา พื้นไม้โทนสว่าง หรือผ้าม่านโปร่งแสง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้บ้านดูโปร่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งแสงไฟมากนัก

4. ใช้เทคนิค “Layered Lighting” ให้บ้านมีมิติ

ในการ ออกแบบบ้าน อย่างมืออาชีพ เทคนิค “Layered Lighting” หรือการใช้แสงหลายชั้น คือหัวใจสำคัญ เช่น ในห้องนั่งเล่น อาจมีทั้งโคมไฟเพดาน โคมตั้งพื้นข้างโซฟา และไฟตกแต่งผนัง เมื่อใช้เทคนิคนี้ร่วมกับการวางแบบในโปรแกรม ออกแบบบ้าน3D จะสามารถเห็นภาพรวมของแสงในบ้านได้ชัดเจน และปรับเปลี่ยนได้ก่อนสร้างจริง

5. จัดแสงร่วมกับการออกแบบบ้านภายนอก

แม้ว่าแสงจะมักถูกพูดถึงในมุมของการ ออกแบบบ้านภายใน แต่ในความจริงแล้ว การออกแบบบ้านภายนอก ด้วยแสงก็มีความสำคัญเช่นกัน ซึ่งการออกแบบแสงภายนอก ช่วยสร้างสร้างความปลอดภัย และเพิ่มความสวยงาม เน้นความโดดเด่นของดีไซน์ภายนอกมากขึ้น

6. ใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบบ้าน 3D จำลองแสงก่อนตัดสินใจจริง

หากคุณกำลังวางแผน ออกแบบบ้าน ใหม่ การใช้ซอฟต์แวร์ ออกแบบบ้าน3D เช่น SketchUp, AutoCAD, หรือโปรแกรมจากผู้รับเหมาก่อสร้าง ช่วยให้คุณเห็นว่าแสงจะตกกระทบอย่างไรในแต่ละช่วงเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน

การ ออกแบบบ้าน ให้โปร่งโล่งไม่ได้มีแค่เรื่องของการเว้นพื้นที่หรือใช้โทนสีอ่อนเท่านั้น แต่ แสง คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งแสงธรรมชาติและแสงประดิษฐ์ ล้วนสามารถเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็นบ้านที่อยู่แล้วสบาย ผ่อนคลาย และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย

หากคุณกำลังมองหา บริษัทรับออกแบบบ้าน ทั้งออกแบบบ้านภายใน และออกแบบบ้านภายนอก Homemax เรามีทีมงานออกแบบบ้านที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี สนใจสามารถติดต่อได้ 24 ชม. โทร 02-9186500

บทความที่เกี่ยวข้อง