เข็มยาวเท่าไหร่ บ้านจึงไม่ทรุด (สำหรับดินกรุงเทพฯ)
สาระน่ารู้เกี่ยวกับสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้าน เรื่องของฐานราก เสาเข็ม ถนน ดินกรุงเทพฯนั้นเป็นดินอ่อนในชั้นบนๆ และค่อยๆแน่นขึ้นตามความลึก ปัจจุบันเนื่องจากการสูบน้ำบาดาลทำให้ชั้นดินต่างๆหดตัวลง โดยเฉพาะดินชั้นบนซึ่งอ่อนและมีน้ำอยู่มากก็จะหดตัวลงมาก ทำให้ผิวดินทรุด เกิดการแตกร้าวในสิ่งก่อสร้างสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้านที่พบเห็นได้ทั่วไป การทรุดตัวของอาคารจึงเกิดจากดินทรุดเป็นหลัก โดยเสาเข็มจะทรุดตัวไปพร้อมๆกับผิวดิน เสาเข็มที่ลึกมากขึ้นจะทรุดน้อยกว่าเข็มสั้นๆ โดยเฉพาะเสาเข็มยาวประมาณ 21 เมตรที่ปลายเข็มฝังอยู่ในชั้นทรายแน่นจะทรุดตัวน้อยกว่าผิวดินอย่างเห็นได้ชัด จนหลายคนเข้าใจว่าเข็มยาว (หมายถึงปลายอยู่ในชั้นทรายแน่น) ไม่ทรุด ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ทีอาคารทรุดหรือไม่ เพราะหากเราใช้เข็มขนาดเท่ากันความยาวเท่ากัน (หรือความยาวปลายเข็มที่จมอยู่ในชั้นทรายเท่ากันกรณีปลายเข็มวางในชั้นทรายแน่น) ในอาคารทั้งหลัง การทรุดตัวจะใกล้เคียงกัน ไม่เกิดปัญหาอาคารร้าว โดยถ้าใช้เข็มยาวการทรุดตัวน้อยจะมีความแน่นอนมากกว่า ปัญหาการแตกร้าวของสิ่งก่อสร้างสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้านบ้านในกรุงเทพฯเกิดจากการสร้างสิ่งก่อสร้างที่วางบนฐานรากที่ใช้เข็มยาวไม่เท่ากันมาเกาะกัน ไม่ใช่เกิดจากการทรุดตัว
รถไฟเหาะใต้ทางด่วน
เวลาเราขับรถในถนนใต้ทางยกระดับ หรือทางด่วน ในเลนที่ชิดกับต่อม่อทางด่วน จะรู้สึกได้ว่าถนนเป็นลอนคลื่น โดยยอดคลื่นจะอยู่ใกล้ๆตอม่อ สาเหตุเกิดจากโครงสร้างทางด่วนนั้นวางบนเข็มยาว แต่ถนนวางบนดินซึ่งจะทรุดตัวตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ฐานรากของทางด่วนจึงค้ำดินเหนือฐานรากลอยขึ้นมาเหนือดินบริเวณรอบๆที่ทรุดตัวลงไป อาการ “ฐานรากอยากโผล่พ้นดิน” นี้ เช่นเดียวกับตอม่อสะพานลอย และตอม่อสะพานทางแยกต่างระดับที่ทาง กทม. ต้องรื้อบล็อกตัวหนอนออกมาปูปรับระดับใหม่อยู่เป็นระยะๆ
บ้านชั้นเดียว ใช้เข็มยาวแค่ไหน (สำหรับดินกรุงเทพฯ)
สำหรับสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้านบ้านชั้นเดียว ซึ่งน้ำหนักลงเสาไม่มาก การใช้เข็มยาว 21 เมตรเพื่อให้ทรุดตัวน้อยอาจจะรับน้ำหนักได้มากเกินความจำเป็น หากใช้เข็มสั้นลงหน่อย 12-16 เมตร สามารถรับน้ำหนักได้โดยมีการทรุดตัวบ้าง น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ยกเว้นระยะเสาห่างมากๆ (ซึ่งไม่ค่อยใช้กัน) ถ้ามีน้ำหนักมากๆต้องดูความเหมาะสมอีกทีครับ
แล้วสองชั้นละ ใช้เข็มยาวแค่ไหน (สำหรับดินกรุงเทพฯ)
สำหรับสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้านบ้านสองชั้น หรือชั้นเดียวที่มีน้ำหนักลงเสามาก ต้องดูความเหมาะสมอีกที ถ้าทำได้ก็น่าใช้เข็มยาว 21 เมตรซึ่งจะได้การทรุดตัวน้อยกว่า อย่างไรก็ตามการใช้เข็มยาวในขณะทำการก่อสร้างสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้านจะเกิดแรงสั่นสะเทือนต่อพื้นที่ข้างเคียงมาก ซึ่งถ้าใกล้ๆมีสิ่งก่อสร้างอยู่ อาจจะหลีกเลี่ยงได้โดยใช้เข็มสั้นที่ความยาวไม่ถึงชั้นทรายแน่น หรือการใช้เข็มเจาะครับ
เข็มเจาะต้องระวัง (สำหรับดินกรุงเทพฯ)
ในกรณีที่ต้องการน้ำหนักลงเข็มมาก แต่ไม่สามารถตอกเข็มได้ เนื่องจากจะมีแรงสั่นสะเทือน หรือ ไม่สามารถนำปั้นจั่น และเสาเข็มเข้าไปในสถานที่ก่อสร้างสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้านได้ อาจต้องใช้เข็มเจาะ เข็มเจาะนั้นมักจะมีปัญหาคุณภาพงานไม่ดี เนื่องจากเจาะลงไปลึกๆการตรวจสอบทำได้ยาก ขั้นตอนต่างๆอาจจะเกิดการผิดพลาดได้ง่าย การใช้ผู้รับเหมาเข็มเจาะควรให้มีวิศวกรของผู้รับเหมาคุมงานและลงชื่อรับรองความปลอดภัยด้วยครับ
ฐานรากลึกแค่ไหนดี (สำหรับดินกรุงเทพฯ)
ตอบตามหลักการก็ต้องถามวิศวกรผู้ออกแบบนั่นแหละครับ แต่มีแนวทางเบื้องต้นคือฐานรากบ้านสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้านไม่ควรลึกมาก สำหรับที่ราบให้ระดับบนของฐานรากอยู่ใต้ระดับดินประมาณ 50 ซม ส่วนพื้นที่ที่ดินลาดเอียง หรือใกล้ริมน้ำต้องดูสภาพพื้นที่อีกที สำหรับดินกรุงเทพฯที่มีปัญหาดินทรุดตัว การใช้ฐานรากลึกๆช่วยลดอาการ “ฐานรากอยากโผล่พ้นดิน” (สังเกตดูบริเวณใต้ทางยกระดับต่างๆ) แต่ไม่ควรทำเพราะเสาตอม่อยาวๆจะไม่แข็งแรง ครับ
ข้างบ้านตอกเข็มหกเหลี่ยมทำรั้ว เราต้องกลัวหรือเปล่า (สำหรับดินกรุงเทพฯ)
เข็มเล็กไม่น่ามีปัญหา ปัญหารบกวนข้างเคียงจากการตอกเข็มคือ
- แรงสั่นสะเทือน กรณีเข็มเล็กไม่มีเพราะไม่ได้ตอกลึกเอา blow count
- การที่ดินรอบๆบริเวณที่ตอกเข็มจะถูกเบียดออกข้างๆ และปูดขึ้นด้านบน อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าจำนวนเข็มและหน้าตัดใหญ่แต่ไหน โดยทั่วไปโครงสร้างสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้านที่ใช้เข็มเล็กมักเป็นโครงสร้างขนาดเล็กและเข็มไม่ถี่มาก แต่ถ้าเป็นรั้วตรงนี้จะไม่มาก
- การตอกใช้รถ back hoe กด หรือถ้าใช้สามเกลอก็สนุกดีครับ ลองไปดูเค้าตอกจะเป็นเพลงพื้นบ้านที่เราหาฟังที่ไหนไม่ได้
- หากจำนวนเข็มมาก (คงไม่ใช่รั้วแล้วทีนี้) อาจจะเกิดการเบียดตัวของดิน ลองคุยกับเค้าดีๆ อาจจะให้ขุดนำร่อง 1-2 เมตร ก็ช่วยลดปัญหาการเบียดตัวของดินได้ครับ โดยทั่วไปถ้าไม่มี back hoe ผู้รับเหมาชอบขุดนำร่องอยู่แล้วครับ
โดยทั่วไปจึงไม่น่ามีปัญหา แต่ของแบบนี้ต้องดูเฉพาะเจาะจงเป็นเรื่องๆไปครับ น่าจะคุยกันกับเจ้าของบ้านป้องกันไว้ก่อนครับ
จอดรถร้าวแล้วร้าวอีก แก้ไม่หาย (สำหรับดินกรุงเทพฯ)
พื้นลานจอดรถซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นระบบพื้นวางบนดิน มีสาเหตุการร้าวดังนี้คือ
- บดอัดดินไม่แน่น (คือแน่นไม่เท่ากัน) จะเกิดรอยร้าวเป็นแนวยาว พื้นเสียระดับเป็นแอ่ง — การแก้ ทุบทิ้ง บดอัดดิน ทำใหม่ หรือถ้าสภาพดินใต้พื้นถนนแน่น คือทรุดจนนิ่งแล้ว อาจจะเทพื้นถนนใหม่ทับได้เลย
- ตัวบ้านใช้เข็มยาว ทรุดน้อย แต่พื้นลานทรุดมากกว่า บริเวณที่พื้นลานไปชนตัวบ้าน ถ้าไม่ตัดแยกให้ดีพอดินทรุด ขอบพื้นลานที่ติดกับบ้านจะถูกง้างยกขึ้นมา รอยแตกจะอยู่แถวๆขอบ — การแก้ ตัดแยกพื้นออกจากตัวบ้าน
- ตัวบ้านสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้านใช้เข็มยาว ทรุดน้อย แต่พื้นลานทรุดมากกว่า พื้นลานเหนือฐานรากโดนฐานรากค้ำไว้ ปูดขึ้นมา เหมือนใต้สะพานลอย ใต้ทางด่วนในกรุงเทพฯ — การแก้ ตัดพื้นส่วนที่อยู่เหนือฐานรากออก
- คุณภาพงานก่อสร้างสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้านอื่นๆ เช่นปูนผสมน้ำมากไป ไม่ใส่เหล็กกันร้าว ฯลฯ — การแก้ ทุบทิ้ง ทำใหม่ หรือถ้าสภาพดินใต้พื้นถนนแน่น อาจจะเทพื้นถนนใหม่ทับได้เลย
ส่วนที่แก้แล้วแก้อีกไม่หาย เกิดจากปัญหาข้อ 2 และ 3 หากทุบทิ้งทำใหม่แล้วไม่ตัดแยกพื้นถนนกับอาคาร และเว้นช่องว่างเหนือฐานรากให้ดีก็จะเป็นอีกครับ
พื้นลานจอดรถหน้าบ้านมักใช้เป็นระบบพื้นวางบนดิน ในขณะที่ตัวบ้านวางบนคานและเสาเข็ม เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการทรุดตัวต่างระดับในจุดที่โครงสร้างทั้งสองระบบมาเจอกัน บ้านสมัยใหม่บางแห่งจะสร้างพื้นลานให้ไม่ติดกับตัวบ้านห่างประมาณ 10 ซม. แล้วโรยกรวดแม่น้ำเป็นการเก็บรอยต่อ และเป็นงานตกแต่งไปในตัว
แยกหมด โดยรอบพื้นลาน ไม่มีส่วนไหนติดกับตัวบ้านเลย
เสาด้านหน้าทำหน้าที่รับระเบียงชั้นสองด้านบน ดังนั้นต้องเป็นระบบโครงสร้างวางบนเข็มเช่นเดียวกับตัวบ้าน ต้องแยกกับพื้นลานด้วยครับ
ลานหน้าตึกแถวร้าวแล้วร้าวอีกเหมือนกัน (สำหรับดินกรุงเทพฯ)
ส่วนใหญ่ทางเท้าหน้าตึกแถวในกรุงเทพฯจะทรุด สังเกตได้จากอาการร้าวเอียง สองสามปีเจ้าของบ้านก็จะทุบทิ้งทำใหม่ แล้วก็ร้าวอีก ซ่อมกันไม่หายซักที สาเหตุคือ ดินมีการทรุดตัวอยู่ตลอดเวลา และ
- เทปูนไปชิดตัวอาคาร ทำให้เนื้อปูนพื้นลานสามารถยึดเกาะกับตัวอาคารได้
- พื้นลานบริเวณใกล้ๆตัวอาคาร เมื่อทรุดตัวลงแต่ถูกฐานรากซึ่งอยู่ข้างใต้ง้างลอยขึ้นมา
การแก้ไขคือ
- อย่าทำพื้นลานให้ติดกับอาคารเดิม เว้นไว้ซัก 10 ซม. เป็นอย่างน้อย
- ส่วนฐานรากนั้นให้ใช้เหล็กเส้น 12 หรือ 16 มม. หรือเท่าไหร่ก็ได้ ตอกเข้าไปในดินบริเวณโคนเสาด้านนอกอาคารเพื่อหาตำแหน่งฐานรากว่ากว้างยาวเท่าไร
- เวลาเทพื้นลานต้องหลบพื้นที่เหนือฐานรากนี้ออกมารอบๆประมาณ 20 ซม.
- รอยต่อส่วนที่เว้นไว้นี้ ระหว่างอาคารกับพื้นลาน เทด้วยวัสดุที่สามารถรื้อปรับได้ง่าย เช่นหินผสมปูน
ถ้าทำได้ถูกต้องแล้ว เมื่อดินมีการทรุดตัว พื้นลานทั้งผืนจะทรุดตัวตามลงไปกับพื้นดิน ไม่แตกร้าวน่าเกลียด แต่คานพื้นชั้นล่างของตัวอาคารอาจจะโผล่ขึ้นมา ตรงนี้แล้วแต่จะเลือกวิธีการตกแต่ง หรืออย่างง่ายๆคือการฉาบปูนธรรมดาให้ดูเรียบร้อยสวยงามครับ
เข็มไม้ไม่ใช้แล้ว (สำหรับดินกรุงเทพฯ)
แต่เดิมมาที่ไม้ยังคงราคาไม่แพง ฐานรากอาคารที่สร้างสมัยหนึ่งมีการใช้เข็มไม้กันมาก แต่การใช้งานที่ถูกต้องมีความคงทนคือ หัวเข็มจะต้องอยู่ใต้ระดับน้ำใต้ดินตลอดเวลา ซึ่งจะมีสภาพเหมือนกับไม้ที่จมอยู่ใต้น้ำก็จะไม่ผุ การใช้งานในลักษณะนี้ทำให้ต้องทำฐานรากอยู่ลึกๆ และต่อเสาตอม่อสูงขึ้นมาซึ่งก็เป็นต้นทุนตัวหนึ่ง
ปัจจุบัน ไม้มีราคาแพง และเสาเข็มคอนกรีตมีราคาถูก อีกทั้งยังไม่มีปัญหาเรื่องการผุเหมือนไม้ เสาเข็มจึงเปลี่ยนมาเป็นเสาคอนกรีตแทน แต่บางครั้งก็ยังมีการใช้เข็มไม้สนท่อนเล็กๆอยู่ เนื่องจากในงานก่อสร้าง หรือต่อเติมเล็กๆที่ต้องใช้แรงคนในการตอก การใช้เข็มไม้สนท่อนเล็กๆสามารถตอกได้ง่ายกว่าเข็มหกเหลี่ยมกลวงมาก ผู้รับเหมาจึงเสนอเป็นเข็มไม้ แต่ต้องไม่ลืมว่าหากจะใช้เข็มไม้ต้องให้ปลายไม้ฝังลงไปลึกไม่น้อยกว่า 2 เมตร หรือแล้วแต่ระดับน้ำใต้ดิน (ในหน้าแล้ง) บริเวณนั้น เพื่อให้เข็มมีอายุการใช้งานยาวนาน แล้วที่ทำกันหากเจ้าของบ้านไม่ทราบคงจะหายากที่ใครจะมาพิจารณาเรื่องนี้กัน
สรุปว่าไม่ควรใช้ไม้เพราะจะผุอยู่ใต้ดินครับ ที่ใช้เป็นเข็มไม้นั้นจริงๆพอเข็มผุจะกลายเป็นฐานรากระบบวางบนดินโดยไม่รู้ตัว
วิธีเสกถนนให้กลายเป็นหินภายในสามปี
คราวนี้ผมขอแนะนำมายากลของวงการก่อสร้างสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้านอย่างหนึ่งคือ การเสกถนนให้กลายเป็นหินภายในสามปี ทำง่ายมากครับใครๆก็ทำได้ โดยเฉพาะถ้าถนนที่รถเข้าออกมากๆ (ถ้าถนนในบ้านส่วนตัว มีแค่รถเจ้าของบ้านสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้านถอยเข้าออก จะเล่นกลอันนี้ยากหน่อย) ให้ทำดังนี้ครับ
- ตอนถมดินไม่ต้องบดอัดมาก เอาสิบล้อเหยียบสองสามรอบพอ ดินจะไม่แน่น มีโพรงอยู่ข้างใน
- ใช้ความหนาของผิวถนนคอนกรีตน้อยเกินไป เช่น 6ซม. สำหรับรถเก๋ง 10 ซม.สำหรับรถบรรทุก เมื่อโดนน้ำหนักกระแทกซ้ำมากๆก็จะร้าว
- คอนกรีตใช้โม่ผสมเอง ไม่ต้องคุมส่วนผสม ปล่อยให้ผู้รับเหมาเติมน้ำมากๆเพื่อให้ตักเทง่าย คอนกรีตจะเป็น LEAN CONCRETE คือคอนกรีตกำลังต่ำ เมื่อโดนล้อยางรถยนต์ขัดสีก็จะหลุดเป็นผงออกมา เห็นหินเป็นเม็ดๆ
- ในขณะที่เทคอนกรีต ไม่ต้องใช้เครื่องจี้คอนกรีต (เรียกว่า วาย มาจาก Vibrator เป็นหัวจี้คอนกรีตรูปทรงกระบอกยาวๆสั่นๆ เพื่อไล่ฟองอากาศในเนื้อคอนกรีต) คอนกรีตจะได้มีโพรงอยู่ในเนื้ออันจะทำให้ความแข็งแรงลดลง
- เทถนนเสร็จแล้วทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ต้องบ่ม คอนกรีตจะได้ไม่แข็ง
เท่านั้นแหละครับ ไม่นานถนนของท่านจะแปรสภาพเป็นหินไปเอง มายากลนี้หัดไม่ยาก ผู้รับเหมาพร้อมที่จะทำให้ท่านเต็มที่ ท่านจะได้สร้างถนนใหม่ทุก 3-5 ปี เป็นการแสดงฐานะอย่างหนึ่งว่าท่านร่ำรวยเพียงใด ผู้รับเหมาจะรักท่านอยู่กับท่าน เรียกใช้เมื่อไหร่ มาเมื่อนั้น
วิธีทำถนนจาก หิน ทราย ปูน น้ำ ให้เป็นถนนอยู่ได้สามสิบปี
ตรงกันข้ามหากเราจะสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีความคงทนนั้นทำได้ยากกว่า ต้องมีการคุมงานดังนี้
- ตอนถมดินต้องมีการบดอัดอย่างดี บดอัดเป็นชั้นๆทุก 30 ซม. ให้เนื้อดินแน่น ไม่มีโพรงอยู่ในดิน กรณีที่เป็นถนนสาธารณะมีรถเข้าออกมาก ต้องมีการตรวจสอบการบดอัดโดยวิธีทางห้องแล็ปซึ่งควรจะใช้ผู้รับเหมาที่มีวิศวกรคุมงานนะครับ
- ความหนาของถนนอย่างน้อย 10 ซม.สำหรับรถเก๋งพื้นที่ส่วนตัว 12 ซม.สำหรับรถเก๋ง พื้นที่กึ่งสาธารณะ ถ้ามีรถบรรทุก หรือเป็นพื้นที่สาธารณะ ควรใช้แบบที่วิศวกรกำหนดให้ อย่างน้อยต้อง 15 ซม. หรือแล้วแต่ความหนาแน่นของจำนวนรถครับ
- คอนกรีตใช้แบบคอนกรีตผสมเสร็จ มีค่ากำลัง 240 ksc Cylinder มีปูนซีเมนต์ ไม่ต่ำกว่า 300 กิโลกรัมต่อคอนกรีต 1 ลูกบาศก์เมตร จะทนการขัดสีได้ดี ตอนเทอย่าให้ผู้รับเหมาเติมน้ำนะครับ ให้สั่งปูนตามความเหลวที่สามารถเทได้สะดวก
- ตอนเท ใช้เครื่องจี้คอนกรีตด้วย เพื่อให้เนื้อคอนกรีตแน่น มีฟองอากาศน้อย
- หลังจากเทเสร็จ ประมาณ 4-5 ชม. คอนกรีตจะเซตตัวแข็งขึ้นเล็กน้อยพอที่คนจะขึ้นไปเดินได้ (แต่ห้ามเครื่องจักรนะครับ) ก็เริ่มทำการบ่มได้ โดยใช้ทราย หรือกระสอบข้าวปูทับผิวถนน แล้วรดน้ำให้เปียกชุ่ม และต้องคอยตรวจสอบให้ใต้ท้องทรายหรือใต้กระสอบอยู่ในสภาพเปียกหรือชื้นอยู่ตลอดเวลา 7 วัน ทิ้งไว้ 15 วัน(จากวันเท)จึงจะให้รถวิ่งผ่านได้
นอกจากนั้นแล้วก็ต้องมีเหล็กเสริมเพียงพอ มีการแบ่ง Joint ถนนเป็นระยะ สำหรับพื้นที่ส่วนตัวท่านอาจจะลองสังเกตตามที่เค้าทำกันหรือปรึกษาช่างได้ แต่พื้นที่ใหญ่ๆน่าจะให้วิศวกรออกแบบให้และใช้ผู้รับเหมาที่มีวิศวกรควบคุมงานครับ เนื้อหาสาระในที่นี้เป็นสิ่งที่น่าจะพบเจอได้ในงานก่อสร้างทั่วๆไป แต่การตัดสินใจในแต่ละสถานการณ์เป็นเรื่องเฉพาะกรณี ปัญหาทางโครงสร้างควรปรึกษาวิศวกรครับ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน ฐานราก เสาเข็ม ถนน สร้างบ้าน รับสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้าน
ที่มา : http://se-net/stonebase